
คุณสมบัติของผู้บริจาคซักเล็กน้อย เผื่อหลายคนกำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเองบริจาคได้รึเปล่า? มาเช็คพร้อมๆ กันเลยค่ะ
- อายุ 17-60 ปี หากอายุต่ำกว่า 16 ปี ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง
- น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 45 กิโลกรัม (สาวๆ หลายคนบริจาคไม่ได้เพราะข้อนี้นี่แหละ)
- ควรรับประทานอาหารก่อนบริจาคเลือด และต้องนอนหลับอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- ไม่อยู่ระหว่างกินยาปฏิชีวนะ และไม่อยู่ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการถอนฟัน รวมถึงไม่มีแผลสด แผลติดเชื้อตามร่างกาย
- ไม่มีโรคที่อาจถ่ายทอดไปยังผู้ป่วย
- สำหรับผู้หญิงไม่ควรเป็นช่วงที่มีประจำเดือน เพราะจะทำให้เสียเลือดซ้ำซ้อน
- ไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เพราะน้ำนมผลิตมาจากเลือก หากบริจาคเลือดอาจทำให้น้ำหมดลดน้อยลง
คุณสมบัติที่กำหนดไว้ก็เพื่อให้ได้เลือดที่มีคุณภาพและปลอดภัยมาใช้กับผู้ป่วยและเป็นการห่วงใยสุขภาพผู้บริจาคเลือดไปในตัวด้วย เพราะถ้าผู้บริจาคเลือดร่างกายไม่พร้อมแล้วยังจะมาบริจาคเลือดอีก คนที่แย่อาจเป็นตัวเองก็ได้
มาถึงตรงนี้หลายคนมีคุณสมบัติครบ ขาดแค่อย่างเดียว! คือ ความกล้า แค่เห็นเข็มกับเลือดก็อยากจะถอยหนี และจินตนาการกันไปก่อนว่าจะต้องเจ็บแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงก็อาจจะเจ็บ(พูดกันตามตรง) แต่ก็เจ็บเพียงแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น ถ้าแลกกับการได้ทำบุญที่ยิ่งใหญ่ และช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พี่มิ้นท์ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยนะคะ ซึ่งนอกจากจะได้ช่วยชีวิตผู้อื่นซึ่งเป็นหัวใจของการบริจาคแล้ว พี่มิ้นท์จะบอกถึงข้อดีอื่นๆ เชื่อได้ถ้าได้อ่านแล้วอาจเปลี่ยนใจน้องๆ ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ให้ลุกขึ้นแล้วไปที่สภากาชาดอย่างเต็มใจได้ค่ะ
ข้อดีข้อที่ 1 ทำให้สุขภาพแข็งแรง
น้องๆ สงสัยกันมั้ยคะ ว่าการบริจาคเลือด เป็นการเอาเลือดออกจากตัวแล้วร่างกายจะแข็งแรงขึ้นได้ยังไง? จริงๆ เลือดที่บริจาคออกไปเป็นเลือดส่วนเกินของร่างกายค่ะ หรือประมาณ 7% ของปริมาณเลือดทั้งหมดในร่างกาย โดยก่อนจะบริจาคจะมีการพิจารณาจากน้ำหนักตัวของผู้ให้บริจาคก่อน ดังนั้นเลือดที่เสียไปจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตรงกันข้ามกลับกระตุ้นให้ไขกระดูกผลิตเม็ดโลหิตใหม่ขึ้นมาแทน ระบบไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรมตามมาค่ะ
แต่อย่าลืมว่าบริจาคเสร็จไม่ได้แข็งแรงทันทีถึงขนาดออกไปเตะบอลได้นะคะ ของเหล่านี้ต้องใช้เวลาซักเล็กน้อย ที่สำคัญเมื่อบริจาคเสร็จแล้ว น้องๆ ควรนั่งพักและทานของว่างที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ ให้ร่างกายปรับสภาพน้ำในร่างกายได้ก่อน แล้วค่อยเดินทางกลับนะคะ
ข้อดีข้อที่ 2 หุ่นดี เพรียวลม ผิวเปล่งปลั่ง
มีความเชื่อผิดๆ กันอยู่อย่างนึงว่าการบริจาคเลือดจะทำให้อ้วนขึ้น ทำให้สาวๆ ไม่ค่อยกล้าบริจาค แต่จากข้อมูลของ สสวท.ได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นความเชื่อที่ผิด การบริจาคเลือดไม่ได้ทำให้อ้วน แต่กลับทำให้ผู้บริจาคมีรูปร่างที่ดีขึ้นด้วยซ้ำไป นอกจากนี้เลือดใหม่ที่ถูกผลิตขึ้นรวมทั้งการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้น จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยให้หน้าใสขึ้นด้วยนะคะ
ไม่ต้องกินวิตามินเสริม น้องๆ ก็สามารถมีผิวพรรณสดใสได้เหมือนกันนะ^^
ว้าว!! 4 ข้อดีของการบริจาคโลหิต แข็งแรง หน้าใส ไกลมะเร็ง
ข้อดีข้อที่ 3 ลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ด้วย
สถาบันคาโรลินสกา สตอคโฮล์ม สวีเดน ได้ศึกษาข้อมูลจากผู้บริจาคเลือดสวีเดนและเดนมาร์ค พบว่า การบริจาคเลือดช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งได้หลายชนิดเลยค่ะ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าในรายที่มีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป มีผลต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันหรือมะเร็งบางชนิด การบริจาคเลือดจะช่วยลดปริมาณธาตุเหล็กส่วนเกินเหล่านั้นออกไปได้
และที่เซอร์ไพร์สสุดๆ เลย ก็คือ ยิ่งเราบริจาคเลือดบ่อยเท่าไหร่ ความเสี่ยงโรคมะเร็งจะลดลงมากเท่านั้น โดยเฉพาะในเพศชายค่ะ แต่ความถี่ของการบริจาคเลือดระบุไว้ว่า เพศชายสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือน และเพศหญิงทุก 6 เดือน ดังนั้นอย่ากลัวมะเร็งจนวิ่งบริจาคทุกเดือนนะคะ ร่างกายจะรับไม่ไหวเอา
ข้อดีข้อที่ 4 มีสิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคเลือด
ผู้บริจาคเลือดยังได้สิทธิพิเศษในเรื่องการรักษาพยาบาล ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ โดย
1. ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษได้ไม่เกินร้อยละ50
2. ผู้บริจาคโลหิต 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิตได้ เชน ตรวจหาน้ำตาล ไขมัน การทำงานของตับ การทำงานของไต เป็นต้น
3. ผู้บริจาคโลหติ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล+ ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
4. ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
5. ผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ "ขอพระราชทานเพลิงศพ" ได้เป็นกรณีพิเศษ
เห็นมั้ยล่ะคะว่า การบริจาคเลือดนั้นเราไม่ได้เป็นผู้ให้เพียงอย่างเดียว แต่เรายังเป็น "ผู้รับ" ที่เกิดจากการให้ของเราเอง ยิ่งเราให้เลือดเพื่อต่อลมหายใจของเขา ก็เท่ากับยืดอายุของเรามากขึ้นด้วย เรียกว่าเป็นผลบุญติดจรวด ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าค่ะ
แสดงความคิดเห็น